ประวัติเลเบลแผ่นเสียง Dot Records โดย ลุงพง
Quote from Webmaster Thaigramophone on April 20, 2021, 2:54 pmแรนดี้ วู๊ด: เรื่องราวความเป็นมา และประวัติของ Dot Records
ช่วงราะยะแรกๆ (1950-1955)
Randolph C. Wood เกิดในปี 1918 ที่ McMinnville, Tennessee, คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังของ Dot Records. หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจรับใช้กองทัพแล้ว เขาก็ทำมาหากิน ตั้งถิ่นฐานที่ Gallatin, Tennessee, เป็นเมืองเล็กๆใกล้ Nashville. โดยเริ่มต้นจากกิจการร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อร้าน Randy's, นอกจากขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปแล้ว เขายังเริ่มนำสินค้าแผ่นเสียงมาขายด้วยในปี 1947. เป็นแผ่นประเภท classical music และ popular music ในสมัยนั้น แต่ปรากฎว่า ขายได้ช้ามาก ลูกค้าที่เข้ามาหาซื้อส่วนใหญ่จะมองหาแต่ศิลปินประเภท rhythm and blues เช่น Joe Liggins, Roosevelt Sykes, หรือ Cecil Gant, ซึ่งเป็นเพลงที่นิยมฟังกันในเมือง Nashville. แผ่นประเภทนี้มีจำนวนน้อยและไม่มีขายในบริเวณนี้เลย เขาจึงเริ่มเปิดบริการ mail-order สำหรับให้ลูกค้าสั่งจองแผ่นประเภท 78 rpm.ในปี 1948 โดยลงประกาศโฆษณา ก็ประสบความสำเร็จมี orders หลั่งไหลเข้ามามากจนกระทั่งในปี 1950, จึงเลิกขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในร้านทั้งหมด ขายแต่แผ่นเสียงอย่างเดียว โดยเปลี่ยนชื่อร้านใหม่ว่า "Randy's Record Shop." เขาสต๊อคแผ่นไว้กว่า 20,000 อัลบัม และได้ร่วมกับ Gene Nobles ผลิตอัลบัมเป็นของตนเองภายใต้เลเบล Randy's, และบางเลเบลใช้ชื่อ "Gene Nobles' Boogie" โดยบันทึกเพลงจากศิลปิล Cecil Gant. เป็นหลัก ซึ่งเป็นกิจการต่อเนื่องจากร้านขายแผ่นเสียง จนต่อมากลายเป็น กิจการ Dot. ในภายหลัง
Wood ยังได้เป็นหุ้นส่วนกิจการสถานีวิทยุท้องถิ่น ซึ่งออกอากาศช่วงกลางวันเท่านั้น เขาและ Nobles ตัดสินใจทำแผ่นเสียงในเลเบลของตนเองขึ้นอย่างจริงจัง และบันทึกเสียงของศิลปินในถิ่นนั้น ศิลปินคนแรกคือเด็กหนุ่มแพ๊คของและจัดแผ่นเสียงที่ร้านเขาเองชื่อ Johnny Maddox. Maddox กลายเป็นศิลปินที่ทำให้ Dot Records ดูมีคุณค่าและสังกัดอยู่ที่นี่เกือบ 20 ปี นอกนั้นยังมีศิลปิน the Fairfield 4 ("Jesus Met the Woman at the Well," Dot 1003), the Gateway Quartet, the Golden Voice Trio, Rosa Shaw, Joe Warren, the Singing Stars, และ the Brewsteraires. และแน่นอนว่าต้องมีศิลปิน rhythm and blues
หนึ่งในศิลปิน rhythm and blues (R&B groups) ที่บันทึกเป็นวงคอมโบเรียกว่า the Griffin Brothers ประกอบไปด้วย Margie Day และ Tommy Brown. 5 อัลบั้มแรกที่บันทึกได้ติดอันดับ Billboard R&B top-10 ในปี 1950-51. 3 อัลบั้มแรก (Dot 1010, 1019, และ 1060) บันทึกบนแผ่นครั่ง 78 rpm เท่านั้น ขณะที่อีก 2 อัลบั้มหลัง (Dot 1070, 1071) ได้บันทึกบนแผ่นไวนิล 45 rpm. ด้วย อัลบั้มที่ฮิตสุดคือ "Weepin' & Cryin'" (Dot 1071), ซึ่งขึ้นถึงอันดับ 1 ของ Rhythm and Blues charts ในต้นปี 1951.
ศิลปิน R&B ในยุคแรกๆของ Dot ประกอบไปด้วย Ivory Joe Hunter, Joe Liggins, the Four Dots, the Big Three Trio, Brownie McGhee, Shorty Long, และ the Counts. (เป็นวงจากเด็กหนุ่มผิวดำ 5 คน จาก Indianapolis ประกอบด้วย Robert Wesley, Robert Penik, James Lee, lead singer Chester Brown, และ Robert Young). The Counts ได้ขึ้นติด top-10 R&B ของปี 1954 ด้วยเพลง "Darling Dear" (Dot 1188), ส่วนอัลบัมต่อมาไม่ประสบผลสำเร็จ
นอกจากนี้แล้วยังมีศิลปินแนว country เช่น Big Jeff, Mac Wiseman, Bob Lamm, Andy Wilson, Tommy Jackson, Jam Up & Honey, the Tennessee Drifters, Lonzo and Oscar, และ Jimmy Newman.
Randy Wood ประสบผลสำเร็จในเพลงป๊อปครั้งแรก จากศิลปินกลุ่มคนขาวเรียกว่า Hilltoppers, หัวหน้าวงเป็นนักแต่งเพลงชื่อ Billy Vaughn มี Jimmy Sacca. เป็นนักร้องนำ และที่เหลือในวงคือ Don McGuire และ Seymour Spiegelman. ทั้ง 4 คนคือนักเรียนจาก Western Kentucky College ใน Bowling Green, และนำเอาชื่อทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนมาใช้ตั้งเป็นชื่อวง เพลงที่บันทึกกับ Dot ในครั้งแรกคือ "Trying" (Dot 15018 ในปี1952) ส่วนเพลงที่ฮิตที่สุดคือ "P.S. I Love You" บันทึกในปี1953
หลังจากไม่กี่ปีที่ Billy Vaughn อยู่กับวง Hilltoppers นี้ เขากลับรู้สึกว่าตนเองมีรสนิยมทางด้าน orchestral arrangements มากกว่าการประพันธ์เพลงร้อง ในปลายปี 1954 เขาได้ลองประพันธ์แนวดนตรีใหม่ให้กับเพลง"Melody of Love" ซึ่ง Wayne King ได้บันทึกไว้กับ Victor ในปี 1940 (Victor 26695). ได้รับความนิยมพุ่งขึ้นมาสู่อันดับที่ 2 ในต้นปี 1955, Vaughn จึงตัดสินใจอนาคตตนเองมาสู่การเป็นหัวหน้าวง orchestra โดยลาออกจากวง the Hilltoppers มาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายดนตรีของ Dot, เป็นหัวหน้าผู้กำกับวงออร์เคสตร้าแบ็คอับให้กับนักร้องในสังกัดของ Dot เช่น Pat Boone, Gale Storm, the Fontane Sisters, และอื่นๆ. เขาได้สร้างอัลบัมที่ยอดเยี่ยมถึง 36 อัลบัมโดยวง orchestra ของเขามาตั้งแต่ปี 1958 ถึง 1970.
ในช่วงต่อมา 1955-1957
ในปั 1955, เมื่อ Randy Wood พยายามที่จะให้เพลงที่ตนเองบันทึกได้ออกอากาศในสถานีวิทยุ เขาพยายามทำการบันทึกเพลงทุกประเภท แต่ก็ตระหนักดีว่าเพลง ป๊อป จะเป็นประเภทเพลงที่จะนำทางไปสู่ความสำเร็จ จึงได้เซ็นสัญญารับนักร้องหนุ่มเสียงนุ่มชื่อ Pat Boone เข้าในสังกัด และก็ไม่ผิดหวังสำหรับนักร้องเสียงกล่อมผู้ฟังแนวเดียวกับ Bing Crosby และ Perry Como กลายเป็นนักร้องที่มีรูปอยู่ที่หน้าปกแผ่นเสียงมากกว่าศิลปินทุกคน
เริ่มตั้งแต่ปี 1957, Boone ประสบความสำเร็จในอาชีพนักร้องจากเพลงของวัยรุ่น เช่น "Don't Forbid Me", "April Love" และ "Love Letters in the Sand". Pat Boone สังกัดอยู่กับ Randy Wood's ใน Dot Records เป็นเวลาหลายปี ได้สร้างเพลงติดชาร์ตให้กับ Dots มากกว่า 60 เพลงที่ฮิตติดตลาด จนกระทั่งถึงปลายปี 1968. เมื่อ Randy Wood ได้ลาจาก Dot ไปสร้างชื่อใหม่ของตนเองคือ Ranwood Records ช่วงนั้นเอง Boone ก็ได้จากไปเช่นกัน
ค่ายแผ่นเสียง Dot Records มีจุดเด่นตรงที่ความจงรักภักดีของศิลปินที่มีต่อสังกัด ศิลปินหลายคนอาทิ Johnny Maddox, Pat Boone, Billy Vaughn, the Fontane Sisters, และ Lawrence Welk อยู่กับ Dot. เป็นเวลานานนับสิบปี เหตุผลคือ Randy Wood เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมีความยุติธรรม
ศิลปินอีกกลุ่มหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงกลางปี 1950s คือ Fontane Sisters (Marge, Bea, และ Geri Rosse). เป็นพี่น้อง 3 คนจากเมือง Milford, New Jersey, ซึ่งเป็นกลุ่มนักร้องที่ร้องเป็น background ให้กับ Perry Como ตั้งแต่ปลายปี 1940s. ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำด้วยเพลง "Hearts of Stone" ในปี 1955. และยังมีเพลงที่ฮิตติดตลาดโดยร่วมกับ Teen Queens' ด้วยเพลง "Eddie My Love," ร่วมกับ the Drifters' ด้วยเพลง "Adorable," ร่วมกับ the Marigolds' ด้วยเพลง "Rollin' Stone," และร่วมกับ Fats Domino's ด้วยเพลง "Please Don't Leave Me," เพลงทั้งหมดนี้อยู่ในช่วงปี 1955-1956 และบันทึกผลิตออกจำหน่ายในช่วงปี 1956-1958,
ในปี 1955 Wood ได้เซ็นต์สัญญารับ Gale Storm เข้ามาในสังกัด Gale เคยโด่งดังมาจากรายการทีวีหนึ่งชื่อ "My Little Margie" starting ในปี 1952. Wood ได้บันทึกเพลงที่เธอร้องชื่อ "I Hear You Knockin'" ติดอันดับที่ 2 ของ national hit และกลายเป็นนักร้องที่ประสบผลสำเร็จอย่างสูงในค่าย Dots รวมทั้งเพลง "Why Do Fools Fall in Love." อัลบัมที่ฮิตอีกแผ่นหนึ่งคือ "Ivory Tower" ออกในฤดูใบไม้ผลิของปี 1956 (Dot 15458)
อัลบัมอื่นๆที่ออกโดย Dot ในระยะนี้ได้แก่ the Hilltoppers' อัลบัม "Only You" (Dot 15423), "Ka- Ding-Dong" (Dot 15489), และ "Marianne" (Dot 15537), Nick Todd's อัลบัม "Plaything" (Dot 14643) และ "At The Hop" (Dot 15675), Jim Lowe's อัลบัม "Blue Suede Shoes" (Dot 15456) และ "Maybelline" (Dot 15407).
Dot Album Discography
10-inch LPs and 7-inch EPs
สมัยก่อนและกลางทศวรรษของปี 1950 แผ่นเสียงขนาด 10" คือมาตรฐานที่นิยมเล่นกัน ก่อนที่จะหมดความนิยมไปหลังจากที่มีแผ่น 12” เข้ามาแทนที่ ก็เหมือนกับบริษัทผู้ผลิตแผ่นเสียงอื่นๆ Dot ออกแผ่น 10” จนกระทั่งถึงปี 1955 ก็เลิกจำหน่ายไป แต่ช่วงนี้กลับมีแผ่น 7" extended play 45 rpm กลายเป็นที่นิยมแทนที่ ในช่วงสั้นๆของปลายทศวรรษ 1950s, จนถึงต้นทศวรรษ 1960s ก็เลิกลาไปอีกเช่นกัน
ฉลากของ Dot ในแผ่น 10 นิ้วจะเป็นสีพื้นออกแดงที่เรียกว่า maroon ส่วนตัวพิมพ์เป็นสีเงิน. มีโลโก้คำว่า "Dot" เป็นตัวเขียนสีเงินด้านบนฉลาก และมีข้อความ "LONG 33 1/3 PLAY" และ "DOT RECORDS, INC. * GALLATIN, TENNESSEE" ที่ด้านล่างสุดของฉลาก แผ่น 10” นี้จะมี format หมายเลขเป็น 100 โดยเริ่มอัลบัมแรกที่เลข 101
12-inch LPs
ฉลากรุ่นแรกของแผ่น 12 นิ้ว ก็เหมือนกันกับฉลากรุ่นที่ใช้กับแผ่น 10 นิ้ว คือสีพื้นจะเป็นสีแดงที่เรียกว่า maroon ส่วนตัวพิมพ์เป็นสีเงิน. มีโลโก้คำว่า "Dot" เป็นตัวเขียนสีเงินด้านบนฉลาก และมีข้อความ "LONG 33 1/3 PLAY" และ "DOT RECORDS, INC. * GALLATIN, TENNESSEE" อยู่ที่ด้านล่างสุดของฉลากจนถึงหลังเดือนสิงหาคม ปี1956 ที่อยู่ด้านล่างเปลี่ยนเป็น "HOLLYWOOD 28, CALIF."
สำหรับ โลโก ที่ใช้ในแผ่นเสียงรุ่นแรกเดิม จะเป็นลายเส้นวงกลม มีตัวเขียน Dot อยู่ภายใน พร้อมด้วยเลขหมายแผ่น ซึ่งอยู่ภายในวงกลมเช่นเดียวกัน ใช้มาตั้งแต่ปี1955 จนถึงกลางปี 1957, ประมาณแผ่นที่มีเลขหมายที่ DLP-3030. หลังจากนี้จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่หลังจากที่ Randy Wood ขาย Dot ไปให้แก่ Paramount Pictures, ในปี 1957.
ในปี 1957, ฉลากใหม่จะมีลักษณะเหมือนที่รู้จักคุ้นเคยกันดี คือพื้นสีดำ ตัวพิมพ์สีเงิน มีโลโก้ Dot เป็นตัวเขียนด้วยสีเหลือง แดง และ น้ำเงิน อยู่ในตำแหน่งเหนือรูกลางแผ่นเสียง และมีข้อความตามโค้งด้านล่างว่า "DOT RECORDS, INC., HOLLYWOOD 28, CALIF. TRADEMARK REGISTERED IN U.S. PAT. OFF." ฉลากรูปแบบนี้ใช้มาโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เลขหมายแผ่นที่ DLP 3031 ในปี1957 ถึง DLP 25856 ในปี 1968. และยังมี Reissues ของอัลบัมแรกๆ ประมาณ DLP 3000- 3030 ก็ใช้ฉลากนี้เช่นกัน
ส่วนซีรี่ สเตอรีโอ (stereo series) ก็ใช้เลขหมายแผ่นเลขเดียวกันกับ mono series, นอกจากตัวเลขนำหน้าที่ใช้แตกต่างกันโดยมีหมายเลขนำหน้า 25xxx แทน 3xxx. แผ่นสเตอริโออัลบัมแรกออกในปี 1958 ประมาณเลขหมาย 3123
ในปี 1960, อัลบัมส่วนใหญ่จะทำออกมาทั้ง สเตอริโอ และ โมโน รูปโลโกที่ใช้ ส่วนใหญ่ก็เป็นรูป Dot ในวงกลม แต่บางครั้งก็ใช้เป็นโลโกที่ร่วมระหว่างชื่อ Dot และ Paramount
แรนดี้ วู๊ด: เรื่องราวความเป็นมา และประวัติของ Dot Records
ช่วงราะยะแรกๆ (1950-1955)
Randolph C. Wood เกิดในปี 1918 ที่ McMinnville, Tennessee, คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังของ Dot Records. หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจรับใช้กองทัพแล้ว เขาก็ทำมาหากิน ตั้งถิ่นฐานที่ Gallatin, Tennessee, เป็นเมืองเล็กๆใกล้ Nashville. โดยเริ่มต้นจากกิจการร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อร้าน Randy's, นอกจากขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปแล้ว เขายังเริ่มนำสินค้าแผ่นเสียงมาขายด้วยในปี 1947. เป็นแผ่นประเภท classical music และ popular music ในสมัยนั้น แต่ปรากฎว่า ขายได้ช้ามาก ลูกค้าที่เข้ามาหาซื้อส่วนใหญ่จะมองหาแต่ศิลปินประเภท rhythm and blues เช่น Joe Liggins, Roosevelt Sykes, หรือ Cecil Gant, ซึ่งเป็นเพลงที่นิยมฟังกันในเมือง Nashville. แผ่นประเภทนี้มีจำนวนน้อยและไม่มีขายในบริเวณนี้เลย เขาจึงเริ่มเปิดบริการ mail-order สำหรับให้ลูกค้าสั่งจองแผ่นประเภท 78 rpm.ในปี 1948 โดยลงประกาศโฆษณา ก็ประสบความสำเร็จมี orders หลั่งไหลเข้ามามากจนกระทั่งในปี 1950, จึงเลิกขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในร้านทั้งหมด ขายแต่แผ่นเสียงอย่างเดียว โดยเปลี่ยนชื่อร้านใหม่ว่า "Randy's Record Shop." เขาสต๊อคแผ่นไว้กว่า 20,000 อัลบัม และได้ร่วมกับ Gene Nobles ผลิตอัลบัมเป็นของตนเองภายใต้เลเบล Randy's, และบางเลเบลใช้ชื่อ "Gene Nobles' Boogie" โดยบันทึกเพลงจากศิลปิล Cecil Gant. เป็นหลัก ซึ่งเป็นกิจการต่อเนื่องจากร้านขายแผ่นเสียง จนต่อมากลายเป็น กิจการ Dot. ในภายหลัง
Wood ยังได้เป็นหุ้นส่วนกิจการสถานีวิทยุท้องถิ่น ซึ่งออกอากาศช่วงกลางวันเท่านั้น เขาและ Nobles ตัดสินใจทำแผ่นเสียงในเลเบลของตนเองขึ้นอย่างจริงจัง และบันทึกเสียงของศิลปินในถิ่นนั้น ศิลปินคนแรกคือเด็กหนุ่มแพ๊คของและจัดแผ่นเสียงที่ร้านเขาเองชื่อ Johnny Maddox. Maddox กลายเป็นศิลปินที่ทำให้ Dot Records ดูมีคุณค่าและสังกัดอยู่ที่นี่เกือบ 20 ปี นอกนั้นยังมีศิลปิน the Fairfield 4 ("Jesus Met the Woman at the Well," Dot 1003), the Gateway Quartet, the Golden Voice Trio, Rosa Shaw, Joe Warren, the Singing Stars, และ the Brewsteraires. และแน่นอนว่าต้องมีศิลปิน rhythm and blues
หนึ่งในศิลปิน rhythm and blues (R&B groups) ที่บันทึกเป็นวงคอมโบเรียกว่า the Griffin Brothers ประกอบไปด้วย Margie Day และ Tommy Brown. 5 อัลบั้มแรกที่บันทึกได้ติดอันดับ Billboard R&B top-10 ในปี 1950-51. 3 อัลบั้มแรก (Dot 1010, 1019, และ 1060) บันทึกบนแผ่นครั่ง 78 rpm เท่านั้น ขณะที่อีก 2 อัลบั้มหลัง (Dot 1070, 1071) ได้บันทึกบนแผ่นไวนิล 45 rpm. ด้วย อัลบั้มที่ฮิตสุดคือ "Weepin' & Cryin'" (Dot 1071), ซึ่งขึ้นถึงอันดับ 1 ของ Rhythm and Blues charts ในต้นปี 1951.
ศิลปิน R&B ในยุคแรกๆของ Dot ประกอบไปด้วย Ivory Joe Hunter, Joe Liggins, the Four Dots, the Big Three Trio, Brownie McGhee, Shorty Long, และ the Counts. (เป็นวงจากเด็กหนุ่มผิวดำ 5 คน จาก Indianapolis ประกอบด้วย Robert Wesley, Robert Penik, James Lee, lead singer Chester Brown, และ Robert Young). The Counts ได้ขึ้นติด top-10 R&B ของปี 1954 ด้วยเพลง "Darling Dear" (Dot 1188), ส่วนอัลบัมต่อมาไม่ประสบผลสำเร็จ
นอกจากนี้แล้วยังมีศิลปินแนว country เช่น Big Jeff, Mac Wiseman, Bob Lamm, Andy Wilson, Tommy Jackson, Jam Up & Honey, the Tennessee Drifters, Lonzo and Oscar, และ Jimmy Newman.
Randy Wood ประสบผลสำเร็จในเพลงป๊อปครั้งแรก จากศิลปินกลุ่มคนขาวเรียกว่า Hilltoppers, หัวหน้าวงเป็นนักแต่งเพลงชื่อ Billy Vaughn มี Jimmy Sacca. เป็นนักร้องนำ และที่เหลือในวงคือ Don McGuire และ Seymour Spiegelman. ทั้ง 4 คนคือนักเรียนจาก Western Kentucky College ใน Bowling Green, และนำเอาชื่อทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนมาใช้ตั้งเป็นชื่อวง เพลงที่บันทึกกับ Dot ในครั้งแรกคือ "Trying" (Dot 15018 ในปี1952) ส่วนเพลงที่ฮิตที่สุดคือ "P.S. I Love You" บันทึกในปี1953
หลังจากไม่กี่ปีที่ Billy Vaughn อยู่กับวง Hilltoppers นี้ เขากลับรู้สึกว่าตนเองมีรสนิยมทางด้าน orchestral arrangements มากกว่าการประพันธ์เพลงร้อง ในปลายปี 1954 เขาได้ลองประพันธ์แนวดนตรีใหม่ให้กับเพลง"Melody of Love" ซึ่ง Wayne King ได้บันทึกไว้กับ Victor ในปี 1940 (Victor 26695). ได้รับความนิยมพุ่งขึ้นมาสู่อันดับที่ 2 ในต้นปี 1955, Vaughn จึงตัดสินใจอนาคตตนเองมาสู่การเป็นหัวหน้าวง orchestra โดยลาออกจากวง the Hilltoppers มาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายดนตรีของ Dot, เป็นหัวหน้าผู้กำกับวงออร์เคสตร้าแบ็คอับให้กับนักร้องในสังกัดของ Dot เช่น Pat Boone, Gale Storm, the Fontane Sisters, และอื่นๆ. เขาได้สร้างอัลบัมที่ยอดเยี่ยมถึง 36 อัลบัมโดยวง orchestra ของเขามาตั้งแต่ปี 1958 ถึง 1970.
ในช่วงต่อมา 1955-1957
ในปั 1955, เมื่อ Randy Wood พยายามที่จะให้เพลงที่ตนเองบันทึกได้ออกอากาศในสถานีวิทยุ เขาพยายามทำการบันทึกเพลงทุกประเภท แต่ก็ตระหนักดีว่าเพลง ป๊อป จะเป็นประเภทเพลงที่จะนำทางไปสู่ความสำเร็จ จึงได้เซ็นสัญญารับนักร้องหนุ่มเสียงนุ่มชื่อ Pat Boone เข้าในสังกัด และก็ไม่ผิดหวังสำหรับนักร้องเสียงกล่อมผู้ฟังแนวเดียวกับ Bing Crosby และ Perry Como กลายเป็นนักร้องที่มีรูปอยู่ที่หน้าปกแผ่นเสียงมากกว่าศิลปินทุกคน
เริ่มตั้งแต่ปี 1957, Boone ประสบความสำเร็จในอาชีพนักร้องจากเพลงของวัยรุ่น เช่น "Don't Forbid Me", "April Love" และ "Love Letters in the Sand". Pat Boone สังกัดอยู่กับ Randy Wood's ใน Dot Records เป็นเวลาหลายปี ได้สร้างเพลงติดชาร์ตให้กับ Dots มากกว่า 60 เพลงที่ฮิตติดตลาด จนกระทั่งถึงปลายปี 1968. เมื่อ Randy Wood ได้ลาจาก Dot ไปสร้างชื่อใหม่ของตนเองคือ Ranwood Records ช่วงนั้นเอง Boone ก็ได้จากไปเช่นกัน
ค่ายแผ่นเสียง Dot Records มีจุดเด่นตรงที่ความจงรักภักดีของศิลปินที่มีต่อสังกัด ศิลปินหลายคนอาทิ Johnny Maddox, Pat Boone, Billy Vaughn, the Fontane Sisters, และ Lawrence Welk อยู่กับ Dot. เป็นเวลานานนับสิบปี เหตุผลคือ Randy Wood เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมีความยุติธรรม
ศิลปินอีกกลุ่มหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงกลางปี 1950s คือ Fontane Sisters (Marge, Bea, และ Geri Rosse). เป็นพี่น้อง 3 คนจากเมือง Milford, New Jersey, ซึ่งเป็นกลุ่มนักร้องที่ร้องเป็น background ให้กับ Perry Como ตั้งแต่ปลายปี 1940s. ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำด้วยเพลง "Hearts of Stone" ในปี 1955. และยังมีเพลงที่ฮิตติดตลาดโดยร่วมกับ Teen Queens' ด้วยเพลง "Eddie My Love," ร่วมกับ the Drifters' ด้วยเพลง "Adorable," ร่วมกับ the Marigolds' ด้วยเพลง "Rollin' Stone," และร่วมกับ Fats Domino's ด้วยเพลง "Please Don't Leave Me," เพลงทั้งหมดนี้อยู่ในช่วงปี 1955-1956 และบันทึกผลิตออกจำหน่ายในช่วงปี 1956-1958,
ในปี 1955 Wood ได้เซ็นต์สัญญารับ Gale Storm เข้ามาในสังกัด Gale เคยโด่งดังมาจากรายการทีวีหนึ่งชื่อ "My Little Margie" starting ในปี 1952. Wood ได้บันทึกเพลงที่เธอร้องชื่อ "I Hear You Knockin'" ติดอันดับที่ 2 ของ national hit และกลายเป็นนักร้องที่ประสบผลสำเร็จอย่างสูงในค่าย Dots รวมทั้งเพลง "Why Do Fools Fall in Love." อัลบัมที่ฮิตอีกแผ่นหนึ่งคือ "Ivory Tower" ออกในฤดูใบไม้ผลิของปี 1956 (Dot 15458)
อัลบัมอื่นๆที่ออกโดย Dot ในระยะนี้ได้แก่ the Hilltoppers' อัลบัม "Only You" (Dot 15423), "Ka- Ding-Dong" (Dot 15489), และ "Marianne" (Dot 15537), Nick Todd's อัลบัม "Plaything" (Dot 14643) และ "At The Hop" (Dot 15675), Jim Lowe's อัลบัม "Blue Suede Shoes" (Dot 15456) และ "Maybelline" (Dot 15407).
Dot Album Discography
10-inch LPs and 7-inch EPs
สมัยก่อนและกลางทศวรรษของปี 1950 แผ่นเสียงขนาด 10" คือมาตรฐานที่นิยมเล่นกัน ก่อนที่จะหมดความนิยมไปหลังจากที่มีแผ่น 12” เข้ามาแทนที่ ก็เหมือนกับบริษัทผู้ผลิตแผ่นเสียงอื่นๆ Dot ออกแผ่น 10” จนกระทั่งถึงปี 1955 ก็เลิกจำหน่ายไป แต่ช่วงนี้กลับมีแผ่น 7" extended play 45 rpm กลายเป็นที่นิยมแทนที่ ในช่วงสั้นๆของปลายทศวรรษ 1950s, จนถึงต้นทศวรรษ 1960s ก็เลิกลาไปอีกเช่นกัน
ฉลากของ Dot ในแผ่น 10 นิ้วจะเป็นสีพื้นออกแดงที่เรียกว่า maroon ส่วนตัวพิมพ์เป็นสีเงิน. มีโลโก้คำว่า "Dot" เป็นตัวเขียนสีเงินด้านบนฉลาก และมีข้อความ "LONG 33 1/3 PLAY" และ "DOT RECORDS, INC. * GALLATIN, TENNESSEE" ที่ด้านล่างสุดของฉลาก แผ่น 10” นี้จะมี format หมายเลขเป็น 100 โดยเริ่มอัลบัมแรกที่เลข 101
12-inch LPs
ฉลากรุ่นแรกของแผ่น 12 นิ้ว ก็เหมือนกันกับฉลากรุ่นที่ใช้กับแผ่น 10 นิ้ว คือสีพื้นจะเป็นสีแดงที่เรียกว่า maroon ส่วนตัวพิมพ์เป็นสีเงิน. มีโลโก้คำว่า "Dot" เป็นตัวเขียนสีเงินด้านบนฉลาก และมีข้อความ "LONG 33 1/3 PLAY" และ "DOT RECORDS, INC. * GALLATIN, TENNESSEE" อยู่ที่ด้านล่างสุดของฉลากจนถึงหลังเดือนสิงหาคม ปี1956 ที่อยู่ด้านล่างเปลี่ยนเป็น "HOLLYWOOD 28, CALIF."
สำหรับ โลโก ที่ใช้ในแผ่นเสียงรุ่นแรกเดิม จะเป็นลายเส้นวงกลม มีตัวเขียน Dot อยู่ภายใน พร้อมด้วยเลขหมายแผ่น ซึ่งอยู่ภายในวงกลมเช่นเดียวกัน ใช้มาตั้งแต่ปี1955 จนถึงกลางปี 1957, ประมาณแผ่นที่มีเลขหมายที่ DLP-3030. หลังจากนี้จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่หลังจากที่ Randy Wood ขาย Dot ไปให้แก่ Paramount Pictures, ในปี 1957.
ในปี 1957, ฉลากใหม่จะมีลักษณะเหมือนที่รู้จักคุ้นเคยกันดี คือพื้นสีดำ ตัวพิมพ์สีเงิน มีโลโก้ Dot เป็นตัวเขียนด้วยสีเหลือง แดง และ น้ำเงิน อยู่ในตำแหน่งเหนือรูกลางแผ่นเสียง และมีข้อความตามโค้งด้านล่างว่า "DOT RECORDS, INC., HOLLYWOOD 28, CALIF. TRADEMARK REGISTERED IN U.S. PAT. OFF." ฉลากรูปแบบนี้ใช้มาโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เลขหมายแผ่นที่ DLP 3031 ในปี1957 ถึง DLP 25856 ในปี 1968. และยังมี Reissues ของอัลบัมแรกๆ ประมาณ DLP 3000- 3030 ก็ใช้ฉลากนี้เช่นกัน
ส่วนซีรี่ สเตอรีโอ (stereo series) ก็ใช้เลขหมายแผ่นเลขเดียวกันกับ mono series, นอกจากตัวเลขนำหน้าที่ใช้แตกต่างกันโดยมีหมายเลขนำหน้า 25xxx แทน 3xxx. แผ่นสเตอริโออัลบัมแรกออกในปี 1958 ประมาณเลขหมาย 3123
ในปี 1960, อัลบัมส่วนใหญ่จะทำออกมาทั้ง สเตอริโอ และ โมโน รูปโลโกที่ใช้ ส่วนใหญ่ก็เป็นรูป Dot ในวงกลม แต่บางครั้งก็ใช้เป็นโลโกที่ร่วมระหว่างชื่อ Dot และ Paramount